น่ารู้ : เมื่อต้องเกี่ยวข้องกับเงินทองของราชการ

[ado001]

ระเบียบค่าใช้จ่ายในการอบรมออกมาใหม่แล้วนะคะ โดยยกเลิกหมวดนี้ในระเบียบเดิมทั้งหมด
ได้ขึ้น web ไว้ในหัวข้อเฉพาะแล้วนะคะ
ติดตามดูได้ค่ะ แต่ขอสื่อไว้ที่หัวข้อนี้ด้วยนะคะ
หัวข้อนี้จะเป็นสาระรวมเรื่องต่าง ๆ ที่ควรทราบไว้ให้

ระเบียบฯ ค่าใช้จ่ายในการอบรม (เป็นชื่อเรียกสั้นๆ ของเรา)
มีสาระที่สำคัญ ๆ ที่เปลี่ยนไป เช่น

ค่าที่พัก กรณีผู้จัดไม่ได้จัดให้ ให้ใช้อัตราท้ายระเบียบ
ซึ่งก็หมายความว่า ไม่มีให้เบิกในอัตราเหมาจ่ายได้ไปโดยปริยาย

ค่าเบี้ยเลี้ยง เค้ากำหนดวิธีนับ แล้วค่อยหักจำนวนมื้ออาหารที่ผู้จัดจัดให้

ค่าตอบแทนวิทยากร ให้ใช้แบบฟอร์มที่เค้ากำหนดท้ายระเบียบ
หน้าตาก็คล้าย ๆ ใบสำคัญรับเงินล่ะค่ะ แต่มีเพิ่มชื่อโครงการ และอื่น ๆ ที่หัวกระดาษอีกหน่อย

ที่พบการเบิกของพวกเราอาจจะเป็นปัญหา คือ
พวกเราสับสนระหว่างการจัดฝึกอบรม จัดรณรงค์ และจัดประกวด
บางที่ก็เขียนค่าใช้จ่ายผสมกันไปในโครงการ
ฝากช่วยเรียนรู้ระเบียบกันอีกนิด ท่านก็จะเกิดความเข้าใจมากขึ้น

ได้กล่าวไว้แล้วว่าจะเบิกอะไรได้ ราชการจะให้เบิกได้โดยระเบียบต่าง ๆ
ไม่ใช่เราจะเบิกทุกอย่างที่เราต้องการได้

แต่ทุกวันนี้ระเบียบก็ค่อนข้างเปิดกว้ากว่าเมื่อก่อนมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ค่ะ

[ado001]

ขอแจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าพาหนะเดินทางสำหรับการฝึกอบรมค่ะ

กรณีผู้จัดไม่จัดพาหนะให้
ระเบียบการฝึกอบรมเดิม ไม่ให้เบิกค่ารถรับจ้างระหว่างสถานที่ประชุมกับที่พัก
ระเบียบที่แก้ไขได้ตัดข้อนี้ออกไปแล้ว โดยให้เบิกค่าพาหนะตามระเบียบค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการ
ซึ่งโดยปกติให้เบิกค่าพาหนะประจำทาง
แต่ ข้าราชการแท่งทั่วไป ระดับชำนาญงานขึ้นไป และ
ข้าราชการแท่งวิชาการ ระดับชำนาญการขึ้นไป ให้เบิกค่าพาหนะรับจ้างได้

ฉะนั้น หากที่พักกับสถานที่ประชุมอบรมอยู่คนละแห่ง
ข้าราชการระดับข้างต้น สามารถเบิกค่าพาหนะรับจ้างได้ด้วยค่ะ

ได้พบ Vedio การบรรยายของคลังจังหวัดภูเก็ต เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ แยกไว้เป็นตอน ๆ
เปิดดูเพื่อการเรียนรู้เพิ่มเติมได้นะคะ
เพราะการเบิกค่าใช้จ่ายฝึกอบรมมีส่วนที่ใช้เบิกด้วยค่าใช้จ่ายเดินทางโดยอนุโลมด้วย

http://www.klangphuket.org/index.php?op ... Itemid=130

[ado001]

บัญชีเกณฑ์คงค้าง เป็นอย่างไร

พวกเราที่ทำบัญชีเกณฑ์คงค้าง บางทีเราก็เรียกของเราว่าบัญชีเกณฑ์นอนค้าง
เพราะภาระการทำบัญชีที่แสนยากเย็นของกระทรวงสาธารณสุข ใหม่ ๆ เราต้องแทบนอนค้างกันจริง ๆ เอาบัญชีกลับไปทำบ้านก็มี
กับอีกประการหนึ่งคือ ข้อมูลนอนค้างอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ส่งมา เราก็ไม่ได้รับข้อมูลในเวลาที่ควร
เลยเรียกประชดซะงั้น

ไม่ค่อยมีใครเข้าใจหัวอกนักบัญชี แต่พวกเราก็ก้มหน้าก้มตาทำกันไป
เราต้องเป็นคนรับข้อมูลจากทุกหน่วยงานทั้ง รพ. เพื่อเอาตัวเลขมาลงบัญชีที่แสนยาก
ตัวเลขก็ไม่ค่อมมีมาให้เรา หรือที่มีมาก็ไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่ทันเวลา
จนบางทีก็ถูกกระทรวงวิเคราะห์ว่าข้อมูลบัญชีเราไม่น่าเชื่อถือ
เพราะผลจากข้อมูลที่ได้มา ที่มักจะคลาดเคลื่อน และไม่ตรงงวดเวลาตามหลักเกณฑ์

ถ้าจะมองแบบสายน้ำ ก็จะมีต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ
ข้อมูลทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน รพ. จะถูกคิดเป็นตัวเลขจำนวนเงิน
แล้วก็ส่งมาให้ปลายน้ำคนสุดท้าย คือ บัญชี
ถ้าทุกหน่วยงานไม่เข้าใจ ก็เป็นผลอย่างที่เกริ่นไว้

ข้อมูลที่ได้จากบัญชี ที่จริงก็คือ
ภาพสะท้อนการทำงานหรือผลการดำเนินงาน
โดยเปรียบเทียบระหว่างรายได้กับค่าใช้จ่าย (ไม่ใช่เงินรับและเงินจ่าย)
และการแสดงฐานะขององค์กร ว่ามีความมั่นคงเพียงใด
โดยจะมีข้อมูลสินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ถาวร เปรียบกับหนี้สินหมุนเวียน หนี้สินไม่หมุนเวียน และทุน

เกริ่นมาเยอะ ก็คงยังไม่เข้าใช่ไหมคะ
อย่าเพิ่งเบื่อเลยค่ะ
อนาคตอันไม่ไกลแล้ว เราจำเป็นที่ต้องทำข้อมูลบัญชีให้ ครบถ้วน ถูกต้อง และทันเวลา ยิ่งขึ้น
หลักการ เรื่อง ครบถ้วน ถูกต้อง ทันเวลา เป็นหลักการทั่วไปของเรื่องข้อมูล จริงไหมคะ

ที่สำคัญ ข้อมูลจากบัญชีนี่แหละ
จะมีผลต่อการจัดสรรเงิน การจ่ายเงินในการซื้อบริการจากกองทุนต่าง ๆ

ติดตามกันต่อไปเถอะค่ะ

[ado001]

ตำราคุณหมอชูชัย ศรชำนิ ค่ะ

อาจจะหนาสักนิด แต่ก็น่าอ่านเก็บประเด็นกันดู

เพื่อความเข้าใจในการบริหารการเงินการคลังขององค์กรร่วมกัน

[ado001]

ปัญหาที่พบบ่อยในการตรวจหลักฐานการขอเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ หรือ การไปประชุมวิชาการ/การฝึกอบรม
รวมทั้งการยืมเงิน

1. ใบยืมเงินไม่ได้ระบุวันที่ไปว่าตั้งแต่วันใดถึงวันใด ทำให้การระบุกำหนดวันคืนเงินไม่ชัดเจน ต้องพลิกดูเอกสารประกอบ
ขอให้ระบุวันที่เดินทางตั้งแต่ไปจนกลับไว้ด้วย จะได้ชัดเจนว่ากำหนดวันที่ต้องคืน คือ อีก 15 วัน ถัดจากวันเดินทางกลับ

2. หลักฐานประกอบการไปไม่ครบถ้วน คือ ต้นเรื่องที่ต้องมีประกอบเรื่องของฝ่ายผู้จัด
เพราะจะทำให้ทราบว่ามีรายการใดที่ผู้จัดรับผิดชอบ รายการใดให้เบิกต้นสังกัด
และที่สำคัญ คือ ตารางการประชุม อบรม แสดงถึงสาระวิชาการตลอดจนการจัดอาหารว่ามีกี่มื้อ
จะได้ใช้ประกอบการคิดค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทาง

3. บันทึกขออนุญาตไปราชการ ต้องใช้ฉบับจริง เพราะหลักฐานของการอนุญาตเป็นต้นน้ำของสิทธิในการเบิกค่าใช้จ่าย
หากใช้ฉบับถ่ายสำเนาอาจมีการแก้ไขแล้วถ่ายเอกสาร และการเบิกค่าใช้จ่ายเอาเงินออกจากราชการ
เอกสารที่ใช้เบิกต้องเป็นฉบับจริงทั้งนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีแล้วจะเบิกไม่ได้
หากฉบับจริงหาย หาไม่เจอ การใช้สำเนาต้องแสดงเหตุผลประกอบ
(บางรายการเบิกต้องแนบสำเนาบันทึกประจำวันของตำรวจด้วยซ้ำ)

4. การเบิกค่าเช่าที่พัก กรณีไปประชุมวิชาการ/อบรมที่ผู้จัดไม่จัดที่พักให้ อัตราที่เบิกได้มีกำหนดเพดาน
และไม่มีให้เบิกแบบเหมาจ่ายแล้ว แต่ถ้าไปราชการยังมีเบิกแบบเหมาจ่ายได้
จะดูอย่างไรว่าเป็นประชุมวิชาการ/อบรมหรือการไปปฏิบัติราชการที่ไม่ใช่อบรม ก็ต้องอ่านจากต้นเรื่องของผู้จัด

5. วิธีคำนวณเบี้ยเลี้ยง ให้คิดตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจนกลับ 24 ชม.เป็น 1 วัน เศษถ้าเกิน 12 ชม. นับได้อีก 1 วัน
แล้วหักค่าอาหารตามจำนวนมื้อที่ผู้จัดจัดให้

6. เขียนด้วยเลขไทย ซึ่งตรวจสอบยากมาก งานที่เกี่ยวกับการเงินได้รับการยกเว้นไม่ต้องใช้เลขไทย
ขอให้เขียนด้วยเลขอารบิคกันด้วย

7. เวลามีการแก้ไข โดยเฉพาะตัวเลข เรื่องนี้หลักฐานทางการเงินจะไม่ให้ใช้การลบแล้วเขียนทับ
จะใช้หลักการเดียวกับการเขียนใบเสร็จรับเงิน การบันทึกบัญชี คือ ให้ขีดฆ่า ลงชื่อกำกับการแก้ไข
แล้วเขียนที่อื่นใกล้กับที่เดิม ไม่เขียนทับในพื้นที่ที่ลบไว้

8. หน้าที่ 2 ของหลักฐานการเบิกเงิน ช่วงหมายเหตุ เป็นพื้นที่สำหรับการอธิบายประกอบการเบิก เช่น
การชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ การคำนวณการเบิกเบี้ยเลี้ยงและหักค่าอาหาร

9. ค่าพาหนะ ส่วนใหญ่จะเป็นกรณี
1) ใช้รถส่วนตัว แต่ขอเบิกแบบใช้พาหนะประจำทางและรถรับจ้างอัตราค่าพาหนะและราคารถรับจ้าง
บางรายคลาดเคลื่อน ไม่สอดคล้องกับอัตราราคา หรือ
กรณีเดินทางจริงแต่สิ่งที่เขียนเบิกไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของราคายานพาหนะประจำทางบางท้องที่
หรือราคากับระยะทางของยานพาหนะรับจ้าง ก็ต้องระวังกันด้วย
(บุคลากร รพ.เดินทางกันมากจนสามารถเปรียบเทียบอ้างอิงกันได้)
2) ไปพักที่อื่นที่ไม่ใช่สถานที่ประชุม/อบรม แต่ไม่ระบุว่าไปพักที่ใด ก็สอบทางค่าพาหนะไม่ได้
ต้องถามกลับไปว่าพักที่ไหน ขอให้ระบุสถานที่พักหากไม่ได้พักในสถานที่ประชุม/อบรมไว้ในรายงานด้วย

การตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับการเงิน เป็นการใช้ข้อเท็จจริงประกอบระเบียบ
เพราะระเบียบมีข้อกำหนดที่จำกัด ไม่ใช่จะให้เบิกได้ทุกอย่าง
ฝากไว้เป็นข้อเรียนรู้ด้วยค่ะ

หากเขียนมาครบถ้วนถูกต้อง ก็จะตรวจสอบได้รวดเร็วขึ้น ถ้ายังไม่ได้ยืมเงินไปหรือยืมไปแต่จะมีสิทธิได้เงินเพิ่ม
จะได้รับเงินได้เร็วขึ้น

สุดท้าย ขอย้ำกับท่านที่ยืมเงินไป ต้องคืนหลักฐานและเงินที่เหลือภายใน 15 วัน นับจากวันกลับมานะคะ

[ado001]

เพิ่มเติมข้อตรวจพบจากการเบิกค่าใช้จ่ายอบรม

- ได้พบกรณีขออนุญาตไปราชการคนละฉบับ แต่เป็นการไปประชุมอบรม วัน เวลา สถานที่เดียวกัน
บางกรณีก็เป็นหน่วยงานเดียวกัน อาจมีการแยกขอเพราะไปไม่พร้อมกัน แต่ตอนหลังเปลี่ยนรุ่นกลายเป็นไปพร้อมกัน
แต่ต่างคนต่างกลับมาแยกเบิก บางรายน่ารักมาก ใบเบิกค่ารถรับจ้างแยกกันเบิกคนละครึ่ง อธิบายอ้างอิงถึงกัน

- อยากให้ช่วยมองเรื่องการทำเอกสาร ต้องสำเนาเอกสารแนบเยอะแค่ไหน
เพราะแต่ละชุดต้องเสนอคนละที เมื่อพบคลาดเคลื่อน การจ่ายเงินก็จะไม่พร้อมกัน
ไม่มีสำเนาหนังสือแนบก็ไม่ได้

- บางกรณีที่แยกขออนุญาต มีแยกยืมเงินด้วย แล้วแยกเบิก ก็ใช้เอกสารเยอะอีก
ทั้งที่ถ้าแยกขออนุญาต แต่ไปด้วยกัน
สามารถใช้คำขออนุญาตทั้งหมดรวมกัน เบิกในชุดเดียวกันก็ได้ แนบสำเนาเรื่องแค่ชุดเดียว
เพราะข้อเท็จจริงอยู่ที่ ...ไปด้วยกัน

- ช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่ายให้ รพ.ด้วยค่ะ เงินทั้งนั้น

รพ.ไหนน้อ เล่ากันมาว่าบอกว่า บาทเดียวเค้าก็ใส่ใจ ทั้งที่เค้าไม่ใช่ รพ.วิกฤต

ขอบพระคุณในความร่วมมือไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ

[ado001]

มีเอกสารการบริหารการเงินจากคลังเขต 5 เชียงใหม่
บรรยายในการประชุมวิชาการกลุ่มอำนวยการ
เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารทุกระดับค่ะ
ได้เติมสาระที่เห็นว่าควรเพิ่มเข้าไปด้วย
คิดว่าเป็นการเพิ่มเนื้อหาและไม่ได้ทำให้สาระของผู้บรรยายเสียไปค่ะ

เงินเป็นของแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นเงินงบประมาณหรือเงินนอกงบประมาณ
การจะใช้เงินต้องมีกฎหมาย ระเบียบ ให้ใช้
ปัญหาของพวกเรา คือ ไม่เข้าใจวิธีการที่จะนำเงินออกมาใช้
คือ จะทำกิจกรรมอะไร ต้องพิจารณาว่าจะใช้ระเบียบใดในการเบิกเงินจึงจะไม่ผิด
ถ้าเบิกจ่ายไปโดยไม่มีระเบียบรองรับ มีโอกาสจะโดนเรียกเงินคืน เมื่อถูกตรวจสอบ
และเมื่อไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเรียกเงินคืนค่ะ

[ado001]

เพื่อให้เข้าใจหลักการจำแนกประเภทรายจ่าย
ขอให้ศึกษาจากแฟ้มนี้ค่ะ
การใช้เงินบำรุงซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณก็ใช้หลักการเดียวกัน
คือ งบบุคลากร งบค่าตอบแทน-ใช้สอย-วัสดุ และงบลงทุน

[ado001]

ได้พบ web กองคลัง กรมส่งเสริมการเกษตร รวบรวมระเบียบเกี่ยวกับการเบิกเงินจัดเป็นหมวดหมู่ไว้ดี
จึงนำมาใส่เพื่อให้ค้นหาได้ง่ายและสะดวกค่ะ

http://www.finance.doae.go.th/web_old/lb1.htm

อีกแห่งคือคลังจังหวัดตราด รวบรวมระเบียบเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการค่ะ

http://klang.cgd.go.th/trt/rb5.htm

[ado001]

พบคู่มือของกรมสุขภาพจิต รวบรวมไว้น่าจะอ่านง่ายดีค่ะ
และมีกำหนดรายการเอกสารประกอบการขอเบิกค่าใช้จ่ายต่างๆ

ชื่อคู่มือการปฏิบัติงานด้านการเงิน
แต่ทุกคนที่จะใช้เงินคงต้องทราบด้วย ไม่ใช่แค่ฝ่ายการเงินน่ะต่ะ
เชิญเรียนรู้นะคะ

[ado001]

ขอเรียนย้ำว่า
การจะเบิกเงินราชการออกมาต้องมีระเบียบให้เบิก จึงจะเบิกได้
นอกจากมีระเบียบแล้ว ยังต้องมีอำนาจอนุมัติให้เบิกด้วย
ซึ่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ไม่ใช่หัวหน้าส่วนราชการ ไม่ใช่เจ้าของงบประมาณ
การใช้อำนาจต้องมีการมอบอำนาจให้ค่ะ

บางเรื่องไม่ได้มอบให้ก็ไม่มีอำนาจ ต้องเสนอเรื่องไปยังผู้ที่อยู่ในระดับสูงขึ้นที่ได้รับมอบอำนาจหรือผู้ที่มีอำนาจ
เช่น การอนุมัติโครงการฝึกอบรม ปลัดกระทรวงมอบอำนาจให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด

ขณะนี้พบรายการค่าใช้จ่ายที่อาจไม่มีอำนาจอนุมัติให้เบิกจ่ายได้ ต้องหาวิธีการและระเบียบที่จะเบิกจ่ายได้มาขออนุมัติ เช่น
1) ค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมราชการ ที่ไม่ใช่การฝึกอบรม - ต้องได้รับอนุมัติการจัดประชุม (ไม่ต้องทำโครงการ) -> ปลัดกระทรวงสาธารณสุขมอบอำนาจตามระเบียบค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการ พ.ศ.2553 ให้ ..ฯลฯ.. นพ.สสจ. และหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นและกำหนดให้มีฐานะเทียบเท่าผู้อำนวยการกอง (ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค)
2) ค่าตอบแทนที่จะจ่ายให้บุคคลภายนอกปฏิบัติงานภายหลังจากได้รับการฝึกอบรม -> ไม่สามารถจ่ายแบบค่าตอบแทนได้ ต้องขออนุมัติจัดจ้างเหมาบริการด้วยระเบียบพัสดุ

เนื่องจากเวลาพวกเราทำโครงการไปขอเจ้าของเงิน เราเขียนไปตามสิ่งที่คิดจะทำ
ถ้าเจ้าของเงินไม่ชัดเจนในเรื่องระเบียบก็อนุมัติเงินให้มาตามที่ขอ
ซึ่งเงินทั้งงบประมาณ และเงิน UC ที่เข้ามาเป็นเงินบำรุง ต้องใช้ระเบียบของทางราชการในการใช้จ่าย
ซึ่งเคยมีการซ้อมความเข้าใจกันมาแล้ว

ก็ขอช่วยกันทำความเข้าใจกันให้ถ่องแท้ จะได้ไม่มีปัญหาในอนาคตเวลาถูก สตง.ตรวจสอบ
ทุกวันนี้เรามีความเสี่ยง เพราะไม่ถูก สตง.ตรวจสอบมานานมากนับสิบปี
เงินของทางราชการ เขากล่าวว่า "ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" นะคะ ถ้าพบว่าจ่ายไปผิดๆ เขาก็จะให้คืนเงิน

[ado001]

พบเว็บของกองการเจ้าหน้าที่ สำนักอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
รวบรวมระเบียบ หนังสือเวียน และแบบฟอร์ม เรื่องบำเหน็จบำนาญ ไว้ดีมากค่ะ
เชิญเรียนรู้ที่ ...
http://www.personnel.psu.ac.th/per27.html

[ado001]

อำนาจในการอนุมัติให้ใช้เงินได้
เงินราชการจะใช้ได้ต้องมีระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ หรือหนังสือที่กำหนดให้ใช้ได้

หลักการจะเริ่มต้นจากการมีแผนและเสนอขอใช้มาก่อนว่าจะทำอะไร
ต้องคิดก่อนว่าจะใช้ระเบียบอะไรในการใช้จ่ายเงินทำงาน
อะไรให้ใช้แผนปฏิบัติการโดยไม่ต้องทำโครงการ อะไรต้องทำโครงการ
เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว จึงไปดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบนั้นๆ
บางโครงการก็มีการขอยืมเงินตามความจำเป็น
แล้วสุดท้ายก็ส่งหลักฐานขอเบิกหรือส่งใช้เงินยืม

ความสำคัญเริ่มต้น ก็คือ คิดก่อนว่าต้องทำโครงการหรือไม่ เช่น การฝึกอบรม ประชุมวิชาการ ศึกษา ดูงาน ต้องทำโครงการ เพราะต้องมีการอนุมัติโครงการตามระเบียบค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม , โครงการจัดงานรณรงค์หรือประกวดต่างๆ ต้องทำโครงการ เพราะต้องอนุมัติโครงการตามระเบียบค่าใช้จ่ายในการจัดงาน เป็นต้น
- ซึ่งพบบ่อยว่าบางครั้งก็ทำปนเปกัน ด้วยความไม่เข้าใจว่าค่าใช้จ่ายใดเบิกจ่ายด้วยระเบียบใด (เพราะไม่ค่อยได้สื่อสารทำความเข้าใจกัน)
- ขอฝากให้ทำความเข้าใจและแยกกิจกรรมในโครงการให้ชัดเจน
ส่วนการจัดประชุมราชการไม่ต้องทำโครงการ มีเพียงบันทึกขออนุมัติจัดประชุมและขอเบิกค่าใช้จ่ายอะไร เป็นการประชุมที่มีความสำคัญ มีสาระ เพียงพอเหมาะสมที่จะเบิกค่าใช้จ่ายในการจัดประชุม (เดิมการจัดประชุมมีเงื่อนไขเยอะมาก ภายหลังก็ลดเงื่อนไขไปมาก)

ถัดมาคนสำคัญ คือ ผู้อนุมัติ ต้องตรวจสอบว่าการขออนุมัตินั้นๆ ท่านใดมีอำนาจอนุมัติ หรือได้รับมอบอำนาจให้อนุมัติไว้ มีคำสั่งใดรองรับ
หากมีการอนุมัติโดยไม่มีอำนาจ จะเสี่ยงต่อการถูกเรียกเงินคืนได้ค่ะ

ส่วนอำนาจในการอนุมัติจ่ายเงินก็จะตามมา ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้เงินอะไร วงเงินเท่าไร

จากการที่ระเบียบเกี่ยวกับการเงินที่จะทำให้เราสามารถเบิกเงินมาใช้ได้มีมากมาย
มีบางระเบียบที่ทุกท่านควรทราบ เพราะท่านคือผู้ขอเบิก

พร้อมนี้ขอนำคำสั่งมอบอำนาจของปลัดกระทรวงสาธารณสุขมาเพื่อศึกษาค่ะ